ขียนโดย
ชัยรัตน์ จงวัฒนกิจ
ที่ปรึกษา
กลุ่มงานข้อมูลข่าวสารและประชาสัมพัȨ์
สำนักงานยูเนสโกส่วนภูมิภาค ณ กรุงเทพฯ
ทุกคȨยุึϸายใจชั่วขณะตั้งตาคอยึϹวยความตื่นต้น
ภายในกล่องไม้สักทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าอายุกว่าร้อยปีที่วางอยู่บนโต๊ะ มีฟิล์มกระจกที่บอบบางจำนวน 60 แผ่นเรียงกันอยู่เป็นแถวอย่างเรียบร้อย คุณสุมงคล สัวเห็ม เจ้าหน้าที่ชำนาญงานจากกลุ่มอนุรักษ์เอกสาร สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ สวมชุดพิเศษสำหรับโอกาสนี้โดยเฉพาะ ใช้ถุงมือหยิบจับฟิล์มกระจกอย่างระมัดระวัง ค่อย ๆ นำมาส่องไฟเพื่อเผยภาพประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ด้วยความคมชัดอย่างน่าเหลือเชื่อให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม

คุณสุมงคล สัวเห็ม กำลังหยิบจับฟิล์มกระจกอย่างระมัดระวัง
นับเป็นอาหารตาที่หาชมได้ยากจริง ๆ ปกติแล้ว ฟิล์มกระจกอันล้ำค่าเหล่านี้จะได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างมิดชิดในห้องควบคุมสภาพอากาศ ทั้งนี้ ฟิล์มกระจกในกล่องไม้สักใบนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของคลังสะสมขนาดมหึมาที่สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติดูแลมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 และได้รับการสงวนรักษาอย่างแข็งขันจนแม้กระทั่งคุณณิชชา จริยเศรษฐการ ผู้อำนวยการสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ‘ขนาด ผอ. เขายังไม่ค่อยให้เข้าเลย’

ห้องเก็บรักษาฟิล์มกระจก สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ
คลังสะสมฟิล์มกระจกกว่า 35,000 แผ่น และภาพต้นฉบับประมาณ 50,000 ภาพ ซึ่งบันทึกประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2398 ถึง พ.ศ. 2478 เดิมทีเป็นคลังสะสมส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ต่อมาได้นำมาเก็บรักษาไว้ที่หอพระสมุดวชิรญาณ ซึ่งมีวิวัฒนาการมาเป็นหอสมุดแห่งชาติในปัจจุบัน เนื่องจากคลังสะสมดังกล่าวบันทึกช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนาน ภาพถ่ายบางภาพจึงสะท้อนถึงสารัตถะตามสภาพของช่วงอายุขัยของมนุษย์ เช่น ภาพถ่ายหนึ่งเผยพระรูปสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา (พ.ศ. 2432-2468) พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ขณะทรงพระสำราญครั้นทรงพระเยาว์

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ เมื่อทรงพระเยาว์
แต่ที่น่าสะเทือนใจคือ ภาพถ่ายอีกภาพในคลังสะสมนี้บันทึกภาพของพระเมรุสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ ซึ่งพระองค์เสด็จทิวงคตด้วยพระโรคพระวักกะอักเสบ สิริพระชันษา 35 ปี

พระเมรุสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ
คุณณิชชาอธิบายว่าภาพถ่ายหลายภาพถือเป็นหลักฐานเอกสารสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการดำเนินพระราชพิธีต่าง ๆ ในอดีต เช่น พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพและขบวนเรือพระราชพิธี ซึ่งภาพเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสืบสานราชประเพณีมาจนถึงปัจจุบัน

เรือพระราชพิธี ณ วัดอรุณราชวราราม เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2450
ภาพถ่ายอื่น ๆ บันทึกการเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 1 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี พ.ศ. 2440 ซึ่งคราวนั้นพระองค์ได้เสด็จฯ ไปพบกับอ็อทโท ฟ็อน บิสมาร์กแห่งเยอรมนี และได้เข้าเฝ้าฯ พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียเพื่อดำเนินกลยุทธ์สานสัมพันธไมตรีและต่อต้านการล่าอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศส

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ไปพบกับอ็อทโท ฟ็อน บิสมาร์ก ณ นครฮัมบูร์ก พ.ศ. 2440

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พ.ศ. 2440
ภาพถ่ายในคลังสะสมนี้ไม่เพียงบันทึกเหตุการณ์พิเศษที่มีความสำคัญระดับชาติหรือระดับนานาชาติเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตประจำวันในพระราชวังได้แบบเข้าถึงใกล้ชิด แม้ข้าราชบริพารบางคนในช่วงเวลานั้นจะมีความเชื่อว่าเมื่อถูกถ่ายภาพแล้วจะโดนดูดวิญญาณไปและทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครองราชย์ พ.ศ. 2394-2411) และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครองราชย์ พ.ศ. 2411-2453) ทรงรับเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่นี้ด้วยความกระตือรือร้น คุณสาวิตรี สุวรรณสถิตย์ รองประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยแผนงานความทรงจำแห่งโลกของยูเนสโก กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสนับสนุนให้สตรีในพระราชสำนักฝ่ายในฝึกถ่ายภาพ และพระสนมเอกทั้งห้าจากสายราชินิกุลบุนนาค (ได้รับการขนานนามร่วมกันว่า ‘เจ้าจอมก๊กออ’) ได้รับการยกย่องเป็นพิเศษในด้านทักษะและศิลปะการถ่ายภาพ

เจ้าจอมเอิบ (เจ้าจอมท่านหนึ่งใน ‘เจ้าจอมก๊กออ’) เตรียมถ่ายภาพเจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ (เทศ บุนนาค) ผู้เป็นบิดา
ภาพถ่ายหนึ่งที่หาชมได้ยากคือ พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในพระราชอิริยาบถส่วนพระองค์ ขณะทอดพระเนตรออกไปนอกหน้าต่างพระที่นั่งวิมานเมฆพลางทรงพระราชดำริ ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากพระบรมฉายาลักษณ์อย่างเป็นทางการที่ฉลองพระองค์เต็มพระยศ จนทำให้ผู้ชมภาพถ่ายนี้รู้สึกเหมือนกำลังขัดจังหวะช่วงเวลาส่วนพระองค์ที่ไม่ค่อยมีใครเคยได้เห็น

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งวิมานเมฆ
คลังสะสมนี้ยังประกอบไปด้วยภาพถ่ายตระการตาของสถานที่ต่าง ๆ ในใจกลางประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ เช่น สะพานหันเดิมสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1, ครองราชย์ พ.ศ. 2325-2352) ปลายสะพานข้างหนึ่งสามารถหันเพื่อเปิดทางให้เรือผ่านได้ ต่อมาสะพานนี้ได้รับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงลักษณะจากเดิมหลายครั้ง ครั้งสำคัญคือเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้ออกแบบสะพานหันใหม่ โดยสะท้อนลักษณะเด่นของสะพานที่มีเอกลักษณ์ 2 แห่งในประเทศอิตาลี กล่าวคือ โครงสร้างทรงโค้งแบบสะพานริอัลโตในเมืองเวนิส และร้านค้าต่าง ๆ ที่เรียงรายอยู่ทั้ง 2 ฟากแบบสะพานเวคคิโอในเมืองฟลอเรนซ์

สะพาȨันที่สร้างขึ้นใหม่ในรัชสมัยพระบาทสมเึϹจพระจุลจอมกล้าจ้าอยู่หัว&Բ;
ทุกวันนี้ ผู้ที่มาเยี่ยมชม เดินเล่นริมคลองโอ่งอ่าง (ซึ่งได้รับการปรับภูมิทัศน์ให้เป็นถนนคนเดินในปี พ.ศ. 2562 และผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว) อาจจะเดินข้ามสะพานหัน (ซึ่งปัจจุบันมีรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างเรียบง่าย) โดยไม่ตระหนักถึงความรุ่งโรจน์สง่างามของสะพานนี้ในอดีตเลย

สะพานหันในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566
นอกจากนี้ ก็มีภาพของคลองมหานาค ซึ่งสร้างขึ้นพร้อมกับคลองโอ่งอ่างในปี พ.ศ. 2326 โดยต้นคลองอยู่ทางด้านทิศเหนือของภูเขาทอง วัดสระเกศ

ทิวทัศȨภูขาทองจากคลองมหานาค
ราจะห็ȨึϹว่าคลองมหาȨคใȨึϸตเป็Ȩส้Ȩางสัญจรสำคัญที่คึกคักไปด้วยการค้าྺาย

คลองมหานาคในอดีต
ปัจจุบัน คลองมหานาค-แสนแสบยังคงเป็นเส้นโลหิตทางคมนาคมที่สำคัญสำหรับผู้สัญจรนับหมื่นคนทุกวัน ผู้ที่เดินริมคลองมหานาคในช่วงเร่งด่วนยามเช้าจะเห็นเรือด่วนแล่นผ่านไปมาด้วยความถี่ที่อึกทึก

ทิวทัศน์คลองมหานาคจากสะพานมหาดไทยอุทิศในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566
อีกภาพถ่ายที่น่าสนใจเผยให้เห็นโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุงเมื่อเริ่มเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2476 ซึ่งในสมัยนั้นยังมีบริการรถรางระบบไฟฟ้าบนถนนเจริญกรุง

ศาลาเฉลิมกรุงเมื่อเริ่มเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2476
ศาลาเฉลิมกรุงเปิดฉายภาพยนตร์เสียงเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ปัจจุบัน ได้มีวิวัฒนาการมาเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในด้านการจัดแสดงโขน ซึ่งยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้โขนเป็นรายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติในปี พ.ศ. 2561

ศาลาเฉลิมกรุงในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566
ปัจจุบัน เสาชิงช้าหน้าวัดสุทัศน์เทพวรารามเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดแห่งหนึ่ง แต่ในอดีต นี่คือสถานที่จัดพิธีโล้ชิงช้าในพระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย เพื่อรับเสด็จพระอิศวรและพระวิษณุตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นพิธีที่อันตรายและมักเกิดอุบัติเหตุถึงชีวิต พิธีโล้ชิงช้าจึงถูกยกเลิกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7, ครองราชย์ พ.ศ. 2468-2478)

พิธีโล้ชิงช้าใȨึϸต
เมื่อเราตระหนักถึงบริบททางประวัติศาสตร์นี้ ซึ่งบันทึกเป็นภาพถ่ายที่ตรึงวินาทีแห่งการท้าทายความตายไว้ได้อย่างน่าทึ่ง เราก็จะสามารถเยี่ยมชมเสาชิงช้าในปัจจุบันด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นว่าสถานที่นี้มีบทบาทสำคัญเช่นไรต่อชีวิตวัฒนธรรมของมหานครที่มีเรื่องราวมากมายแห่งนี้

เสาชิงช้าในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566
หากไร้ภาพประวัติศาสตร์อันล้ำค่าเหล่านี้ ความทรงจำร่วมและความเข้าใจของเราเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบันคงจะขาดความสมบูรณ์อย่างน่าเสียดาย ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของมรดกเอกสารนี้ ทั้งในเนื้อหาและพาหะของเนื้อหาดังกล่าว (กล่าวคือ ฟิล์มกระจกเป็นเทคโนโลยีโบราณในการบันทึกภาพถ่ายก่อนมีการใช้ฟิล์มถ่ายภาพอย่างแพร่หลาย) ยูเนสโกจึงได้ประกาศขึ้นทะเบียนฟิล์มกระจกและภาพต้นฉบับชุดหอพระสมุดวชิรญาณเป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกในปี พ.ศ. 2560
เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการความทรงจำแห่งโลกของยูเนสโก คุณณิชชากล่าวว่า ภาพถ่ายทั้งหมดได้รับการสแกนและจัดหมวดหมู่เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึง ทั้งยังสงวนรักษาเอกสารต้นฉบับอีกด้วย

คุณณิชชา จริยเศรษฐการ ถือพระรูปสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
นอกจากนี้ สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติได้สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับมรดกเอกสารนี้ด้วยการจัดนิทรรศการ (โดยยังสามารถชม ในรูปแบบเสมือนจริงได้) และด้วยการจัดพิมพ์ภาพจากฟิล์มกระจกพร้อมคำบรรยายเป็นหนังสือ 2 เล่ม
คุณณิชชากล่าวว่า อาจไม่ชัดเจนเสมอไปว่าภาพถ่ายภาพหนึ่งแสดงให้เห็นถึงบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์ใด ดังนั้น สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติจึงได้จัดตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาวิชาเพื่อตกผลึกคำบรรยายที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพถ่ายนั้นได้ดีที่สุด ในอนาคตอันใกล้นี้ สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติวางแผนที่จะเปิดตัวแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อรวบรวมข้อมูลจากสาธารณชน (ซึ่งจะต้องผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการบรรยายภาพ
ด้วยเนื้อหาที่หลากหลาย ถ่ายทอดผ่านสื่อภาพที่เข้าถึงง่ายและตราตรึงใจ ฟิล์มกระจกและภาพต้นฉบับชุดหอพระสมุดวชิรญาณสามารถเปิดโลกให้ผู้ที่ใคร่รู้ได้สัมผัสเรื่องราวที่น่าสนใจ เรื่องราวซึ่งสื่อถึงช่วงชีวิตอันแสนสั้นของแต่ละบุคคล เมื่อพิจารณาบนฉากหลังของแก่นสารสาระในภาพใหญ่ที่สะท้อนถึงความเพียรพยายามของมนุษย์จากรุ่นสู่รุ่นในการขับเคลื่อนการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของประเทศชาติที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงอย่างมีพลวัต
บทความฉบับภาษาไทยนี้แปลโึϸผู้เขียนจาก
#DocumentaryHeritage #MemoryOfTheWorld
ภาพจากสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร ห้ามนำไปใช้หรือทำซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ถือลิขสิทธิ์
กี่ยวกับผู้เขียน
ชัยรัตน์ จงวัฒนกิจ
ชัยรัตน์ จงวัฒนกิจ เป็นที่ปรึกษาสัญชาติไทย-แคนาดา เชี่ยวชาญด้านการสร้างเนื้อหาให้กับกลุ่มงานข้อมูลข่าวสารและประชาสัมพัȨ์ที่สำนักงานยูเนสโกส่วนภูมิภาค ณ กรุงเทพฯ ชัยรัตน์สนับสนุนการรายงาน การแปล การพัฒนาสื่อ และโครงการที่เกี่ยวข้องของยูเนสโกในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
นอกเหนือจากประสบการณ์เป็นนักแปลมืออาชีพแล้ว ชัยรัตน์ยังเป็นนักเปียโนและนักการศึกษาด้านดนตรีที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยโทรอนโต ที่ซึ่งเขาได้สอนทฤษฎีดนตรีและวรรณกรรมเปียโน ชัยรัตน์ได้นำเสนอผลงานวิจัยในการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ และได้รับเชิญบรรยายและสอนมาสเตอร์คลาสที่มหาวิทยาลัยมหิดลและสถาบันดนตรียามาฮ่า กรุงเทพฯ